เมื่อผลิตภัณฑ์บางอย่างถูก redesign ย่อมส่งผลต่ออุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ ตามมา และในมุมกลับกันถ้าอุปกรณ์บางอย่างมีการคิดขึ้นใหม่ไว้อยู่แล้ว ก็อาจทำให้ผลิตภัณฑ์บางอย่างต้องออกแบบให้สามารถใช้ด้วยกันได้ เช่นกัน
ตัวอย่างล่าสุดใหม่สดในกระแสอย่าง iPhone 5 ที่เพึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2555 ที่ออกแบบใหม่และได้รับกระแสตอบรับแบบแรงสุดๆ ด้วยดีไซน์คลาสสิคแต่แฝงไปด้วยความเรียบหรูตามสไตล์ของแอปเปิล รวมเข้ากับสเปคของ iPhone5 ที่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า กล้องหน้าด้วย FaceTime HD ความละเอียด 720p และใช้ซิมมาตรฐานใหม่นาโนซิม (Nano Sim)
ถามว่าแล้วนาโนซิม (Nano Sim)คืออะไร แตกต่างอย่างไรกับไมโครซิม (Micro Sim) แล้วเครื่องโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ซิมที่มีอยู่ทุกวันนี้ใช้ได้หรือเปล่า?
ซิมการ์ด หรือ SIM ซิมแบบธรรมดา นั้นแรกเริ่มเดิมทีเริ่มใช้กันเมื่อ พ.ศ.2532 มีขนาด 15 x 25 มิลลิเมตร ต่อว่าปี พ.ศ. 2547 ได้เปลี่ยนมาเป็น Micro-SIM ด้วยขนาดที่เล็กลงจากเดิมด้วยการหักส่วนความยาวที่ไม่ได้ใช้ออกประมาณ 48% ทำให้ Micro-SIM มีขนาดเพียง 15 x 12 มิลลิเมตร (ส่วนที่ตัดออกน่าจะใช้เป็นส่วนหยิบจับ เพื่อไม่ให้มือสัมผัสกับลายชิพ)และล่าสุดกับ Nano-SIM นาโนซิม ด้วยขนาด 12.3 x 8.8 มิลลิเมตร (ตัดส่วนที่ไม่ใช้งานออก ให้เหลือเพียงลายชิพเท่านั้น)
นาโนซิม (Nano Sim) เป็นซิมขนาดล่าสุดที่มีแนวคิดปรับเปลี่ยนการออกแบบใหม่ด้วยจุดประสงค์ที่ว่า ต้องการพื้นที่ในเครื่องโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กับการผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนในอนาคต ต้องออกแบบด้วยการลดขนาดของถาดซิมลง ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ สามารถออกแบบอุปกรณ์ให้เบาลง บางลง และเล็กลงได้อีกมาก
สำหรับนาโนซิม (Nano Sim)นี้รูปร่างหน้าตาเรียกว่าสุดจิ๋ว เพราะว่าขนาดเล็กกว่าไมโครซิมถึง 40% มีขนาดเพียง 1 ตารางเซนติเมตร หรือ 12.3 x 8.8 x 0.67 มิลลิเมตร เท่านั้น แต่เห็น Nano Sim มีขนาดเล็กเช่นนี้ ขอบอกว่าความสามารถนั้นไม่ได้ลดลงไปตามขนาดเลยล่ะ เรียกได้ว่าตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในอนาคตได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว
ล่าสุดทั้ง AIS, DTAC ได้เตรียมส่งซิมการ์ดดังกล่าวเพื่อรองรับการให้บริการแล้ว เช่นกัน
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment