June 16, 2013

Oho idea แนวคิดปากกาสองจุดดีกว่าจุดเดียว


คิดว่าหลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยได้เห็นแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปปรากฎบนอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ หรือเรียกได้ว่าอาจมองข้ามไปเลยกับอุปกรณ์ชุดวาดเขียน เช่น วงเวียน หรือปากกา ทั้งนี้อาจเป็นเพราะคอมพิวเตอร์กราฟฟิกได้เข้ามาแทนที่หรือมีบทบาทมากขึ้นนั่นเอง 

แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่อุปกรณ์ชุดวาดเขียนก็ยังเป็นพื้นฐานที่ดี และเป็นอุปกรณ์สุดคลาสสิกที่ยังคงจำเป็นต้องมีไว้เป็นดี

แนวคิดปากกาสองจุดดีกว่าจุดเดียว เป็นนวัตกรรมใหม่ในการออกแบบโดยผสมผสาน ปากกา ไม้บรรทัด และวงเวียนเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้คุณสามารถที่จะวาดวงกลม ขีดเส้นตรง ได้โดยง่ายทุกที่ทุกเวลา ที่พกปากกาด้ามนี้ไป

ขอเดาว่าแนวคิดนี้มันน่าจะเหมาะกับสถาปนิกและนักออกแบบตกแต่งภายในแน่นอน



ออกแบบโดย: Jeonghwan Bae
Read rest of entry

June 11, 2013

Oho idea เปิดตัว iOS 7 กับแนวคิด "Flat Design"


ในงาน WWDC 2013 แอปเปิลได้ประกาศเปิดตัว iOS 7 ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนเวอร์ชั่นล่าสุดอย่างเป็นทางการ และได้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ แอปเปิลทั่วโลก เพราะ iOS 7 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของแอปเปิล ด้วยอินเตอร์เฟซของ iOS 7 ที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่าฉีกความเป็น iOS แบบเดิม ๆ ไปทั้งหมด 

และผู้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่บน iOS 7 ครั้งนี้ก็คือ Jonathan Ive ที่เป็นคนออกแบบอินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด ด้วยแนวคิด "Flat Design" หรือเรียกว่าแบบบางๆ ที่เรียบหรู ตายตัว, ง่ายๆ และดูดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้หน้าใหม่ iOS 7 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบ ส่วนจะมีฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องมีอะไรบ้าง มาติดตามกันเลย

1. Control Center ฟีเจอร์นี้เปรียบเหมือนกับ SB Settings หรือ Toggle Settings ที่ผู้ใช้มือถือ Android หลายคนคุ้นเคย เป็นฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าตั้งค่าต่างๆ เบื้องต้นได้ วิธีการเรียกใช้ Control Center ก็ง่ายๆ เพียงลากนิ้วจากหน้าจอข้างล่างขึ้นด้านบน ก็จะมีเมนูตั้งค่าต่างๆ แสดงขึ้นมา เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi/3G, เปิด Airplane mode, Bluetooth, Do Not Disturb, ปรับแสงหน้าจอ, ควบคุมการฟังเพลง, ไฟฉาย, เครื่องคิดเลข และกล้อง เป็นต้น ถือว่าเป็นอีกฟีเจอร์ที่สะดวกมาก ๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเจลเบรค iOS เพื่อเพิ่มฟีเจอร์แบบนี้เข้ามาอีกต่อไป


2. Notification Center ศูนย์รวมการแจ้งเตือนบน iOS 7 ได้ถูกปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มส่วน Today ที่แสดงสิ่งที่ต้องทำวันนี้ โดยดึงข้อมูลจากที่เราบันทึกไว้บนปฏิทิน ส่วน Missed จะรวม การแจ้งเตือนทั้งหมดที่เรายังไม่ได้เปิดดู เช่น ข้อความ, สายที่ไม่ได้รับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Notification Center โดยเลื่อนลงมาดูได้แม้จะล็อกหน้าจออยู่ก็ตาม สำหรับ Notification Center ถือว่าปรับปรุงได้ดีและมีประโยชน์มากกว่าเดิม


3. Multitasking แบบใหม่ที่ดีกว่า เพราะถูกออกแบบมาให้อนุญาตเฉพาะบางแอพพลิเคชั่นเท่านั้นแจ้งเตือนได้ หากแอพฯ ไหนไม่ได้ใช้งานก็จะถูกหยุดการทำงาน ซึ่งทางแอปเปิลได้เปลี่ยนค่าการวัดจากเดิมที่เป็น Active/Non-Active มาเป็นการวัด Priority ให้ความสำคัญกับแอพฯ ที่เรากำลังใช้งานอยู่ ส่วนแอพฯ ที่ไม่ได้ใช้ก็จะหยุดทำงาน ระบบ Multitasking แบบใหม่นี้จะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น


4. Camera บน iOS 7 โดยแอปเปิลได้ปรับปรุงแอพฯ ใหม่ โดยเปลี่ยนอินเตอร์เฟซของกล้องและเพิ่มลูกเล่นแต่งภาพใส่ฟิลเตอร์ให้กับรูปภาพได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาแอพฯ แต่งภาพอีกต่อไป ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ของกล้องถ่ายภาพยังเหมือนเดิม

5. Photo บน iOS 7 เพิ่มตัวเลือกในการแสดงภาพแบบตามสถานที่ หรือเลือกแสดงตามเวลาที่ถ่ายภาพเพื่อง่ายต่อการค้นหา และมี iCloud Photo Sharing ใช้สำหรับแชร์ภาพและวิดีโอ รวมถึงแชร์ภาพผ่าน AirDrop เพื่อส่งรูปภาพให้กับเพื่อนที่ใช้ iPhone, iPad และ iPod touch ได้



6. AirDrop สำหรับใครที่ใช้ MacBook น่าจะรู้จักกับฟีเจอร์นี้เป็นอย่างดี ไม่ได้เป็นฟีเจอร์ใหม่ แต่ทางแอปเปิลได้เพิ่มฟีเจอร์ AirDrop เข้ามาอยู่ใน iOS 7 ด้วย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ภาพ ส่งภาพผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth ให้กับเพื่อนที่ใช้ iPhone, iPad หรือ MacBook ได้สะดวกกว่าเดิม


7. Safari เว็บบราวเซอร์ของแอปเปิลก็มีการปรับปรุงใหม่เช่นกันบน iOS 7 มีการปรับอินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด เปลี่ยนเมนูแท็บแบบใหม่และแสดงผลแบบ Full screen browsing รวมถึงสามารถซิงก์ข้อมูลได้กับ iCloud Keychain ระบบจัดการรหัสผ่าน และบัตรเครดิตที่จะเก็บไว้บน iCloud พร้อมทั้งซิงก์ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ และ Password Generator ที่ช่วยสร้างรหัสผ่านเมื่อเราสมัครหรือสร้างบัญชีบนเว็บผ่าน Safari



8. iTunes Radio บริการวิทยุออนไลน์ผ่านระบบ "สตรีมมิ่ง" (Streaming) ที่มีกว่า 200 สถานี ผู้ใช้สามารถเปิดฟังเพลงได้ทั้งบน iPhone, iPod Touch, iPad, Mac, Apple TV และบน PC โดยมีโฆษณา และสามารถแบ่งสถานีตามหมวดเพลง ส่วนคนที่ใช้ iTunes Match จะไม่มีโฆษณา ฟังแล้วถูกใจคลื่นไหนสามารถกดแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ สำหรับ iTunes Radio จะเริ่มเปิดบริการในอเมริกาก่อนเป็นที่แรก



9. Siri ฟีเจอร์เก่า แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้น่าใช้งานกว่าเดิม โดย Siri บน iOS 7 ได้เพิ่มเสียงเลขาผู้ชายเข้ามา รวมถึงสามารถตอบโต้ในภาษาอื่นได้ และเพิ่มการค้นหาข้อมูลจาก Wikipedia และ Twitter 


10. App Store บน iOS 7 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เหมาะกับคนขี้เกียจอัพเดทแอพฯ บ่อย โดยแอปเปิลได้เพิ่มระบบอัพเดทแอพฯ อัตโนมัติโดยไม่ต้องกดเข้าไปอัพเดทเอง และไม่มีการแจ้งเตือนการอัพเดทมารบกวน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Apps Near Me ที่แนะนำแอพฯ ยอดนิยมในประเทศที่เราใช้งาน หรือแสดงแอพฯ ที่เป็นประโยชน์ที่เราอยู่ ณ ตอนนั้น 



11. Find My iPhone อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญของคนใช้ iOS ที่ใช้สำหรับตามหาหรือดูตำแหน่ง iPhone แอปเปิลได้ปรับปรุง Find My iPhone ใหม่เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นเรียกว่า "Activation Lock" ในกรณีที่ iPhone หายเมื่อเราใช้คำสั่งล็อกเครื่องจาก Find my iPhone ถึงแม้เครื่องจะถูกล้างข้อมูลทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ก็จะไม่สามารถ Activate เครื่องได้ การ Activate เครื่องได้จะต้องใช้ Apple ID ของเจ้าของเครื่องเท่านั้น

เราได้เห็นฟีเจอร์เด่น ๆ ของ iOS 7 ไปแล้ว ซึ่งยังมีฟีเจอร์อีกหลาย ๆ ตัวที่ไม่ได้กล่าวถึง เราทางแอปเปิลส่งมาให้อัพเดทและลองใช้กันดูละกัน สำหรับ iDevice ที่สามารถใช้งาน iOS 7 ได้ก็มี iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPad 2, iPad 3 (The New iPad), iPad 4 (iPad with Retina display), iPad Mini และ iPod touch 5th gen เท่านั้น ส่วนคนใช้ iPhone 3GS และ iPod touch 4th gen ไม่สามารถอัพเดทเป็น iOS 7 ได้ 


ขอบคุณข้อมูล: Kapook
Read rest of entry

Oho idea ทำ Flip book ง่ายและเร็วด้วยกล้องโพลารอยด์


Flip book หนังสือภาพเล่มเล็กที่ทำให้เห็นภาพเคลื่อนไหวไปมา ซึ่งการทำ Flip book ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ แต่ถ้าจะง่ายกว่าก็ต้องใช้เครื่องมือช่วย 

เจ้าอุปกรณ์ที่ว่านี้มีชื่อว่า GIF-TY เป็นกล้องดิจิตอลโพลารอยด์ ที่ออกแบบโดย Jiho Jang ที่ได้วางแนวคิดกล้องที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องออกมาแล้ว นำภาพนั้นมาใช้ทำ Flip book ง่ายและเร็วขึ้น โดยมันจะทำภาพแบบ GIF animation ภายในไม่กี่นาทีหลังถ่ายรูปเสร็จ 

ภายในบรรจุเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กที่ใช้หมึกและกระดาษ Z-ink สิ่งที่คุณต้องทำก็คือแค่หมุนปุ่มตั้งเวลาจากเลขศูนย์ไปยังเลข 5 ต่อจากนั้นมันก็จะถ่ายภาพต่อเนื่องอัตโนมัติ ถ่ายเสร็จแล้วสั่งพิมพ์รูปจากกล้องได้ทันที หลังจากนั้นก็นำรูปที่ได้มาเรียงต่อกันตามลำดับด้วยแกนหนีบที่ให้มา ทีนี้คุณก็แค่พลิกรูปก็จะเห็นภาพถ่ายเคลื่อนไหวไปมา 

ถ้าใครสนใจต้องบอกว่า GIF-TY ยังไม่มีขาย เป็นแค่คอนเซ็ปต์การออกแบบเท่านั้น






ออกแบบโดย: Jiho Jang
Read rest of entry

Oho idea เย็บกระดุมง่ายๆ ไม่ต้องใช้เข็ม


หลายคนมักจะไม่ค่อยมีทักษะการเย็บผ้า โดยเฉพาะคุณผู้ชาย เวลากระดุมหลุดก็มักจะซุกเสื้อตัวนั้นไว้จนลืมเอาไปซ่อม แต่ต่อไปจะง่ายขึ้นด้วยอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Tic มันจะช่วยให้คุณติดกระดุมที่หลุดได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้เข็มและด้าย

สิ่งที่คุณต้องทำก็คือนำกระดุมมาวางลงไปตรงตำแหน่งเดิมที่หลุดออกมา ต่อจากนั้นใช้ปลายแหลมของ Tic แหย่ลงไปในช่องกระดุม ออกแรงกดให้แน่นจนคลิปล็อคแน่น แล้วก็บิดตัวหนีบให้หลุดออกมาเท่านี้ก็เรียบร้อย

Tic เป็นแพ็คๆ ละ 4 ตัว สนนราคา 7 เหรียญ หรือประมาณแผงละ 217 บาท

 
ที่มา: Dailygizmo
Read rest of entry

June 2, 2013

Oho idea แนวคิดกล้องดิจิตอล iLens สไตล์ Apple


เรารู้จักผลิตภัณฑ์ Apple เป็นอย่างดีใน iPhone, iPod และ iPad เสียส่วนใหญ่ ซึ่งที่กล่าวมาจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบให้มีกล้องดิจิตอลแถมมาให้ในตัว ทั้งกล้องหน้า กล้องหลัง ความละเอียดก็ตามแต่รุ่นปีที่ออกแบบมา แต่ก็ยังไม่เห็นว่า Apple จะหันมาออกแบบและผลิตกล้องดิจิตอลจริงๆ จังๆ กันเสียที

วันนี้ oho idea แนวคิดกล้องดิจิตอลที่ออกแบบโดย Rishi Soman ซึ่งเรียกการออกแบบนี้ว่า iLens โดยได้แรงบันดาลใจโดยแบบฉบับตระกูล i ของ Apple เพราะดูๆ แล้วจะคล้าย iPod เพียงแต่ออกแบบให้มีหน้าจอ 4.8 นิ้ว Retina Display บอดี้ฝาหลังเป็นแมกนีเซียมอัลลอย ประกอบเข้ากับเลนส์ขนาดใหญ่พิเศษ แบบระบบ Dual Lens โดยเลนส์ตัวแรกเป็นเลนส์ปกติภายในตัวกล้องที่มีทางยาวโฟกัส 10-30 mm และสามารถเพิ่มออพชั่นเสริมใส่เลนส์เข้าไปได้อีกตัว โดยประกอบเข้ากับบอดี้ด้วยระบบแม่เหล็กที่จะทำให้กลายเป็นเลนส์ Prime 50 mm ตัวกล้องมีระบบ NFC มีแฟลชในตัวแบบ Ring Flash ใช้ CPU A8 สามารถดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้


ดูๆไปแล้วเข้าท่าไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ย

ออกแบบโดย: Rishi Soman
Read rest of entry

Oho idea แนวคิดสายรัดข้อมือตรวจวัดระดับอารมณ์


ใน 24 ชั่วโมงที่เปลี่ยนแปลงและหมุนไปในแต่วัน คุณเคยสังเกตและถามตัวเองบ้างหรือเปล่า ว่ามีความสุขมาก สุขน้อย หรือว่ามีอารมณ์ดีมากน้อยแค่ไหน หรือกลับตรงกันข้ามที่แต่ละวันมีแต่ความเครียด ความกังวล และสุดท้ายก็แบกกลับไปบ้านจนชวนตาค้าง คิดมากจนนอนไม่หลับ

เบื้องหลังของชีวิตดีๆ มีคุณภาพนั้น แท้ที่จริงแล้ว คือ การทำสุขภาพจิตใจหรืออารมณ์ที่ดี ที่ตั้งต้นมาจากสุขภาพกายและความคิดของเราเอง นอกจากนี้ยังมีเบื้องหลังสำคัญอีกมากมาย ที่เป็นสาเหตุของอารมณ์แย่ๆ อย่างที่เราอาจไม่เคยรู้ 

แนวคิดสายรัดข้อมือตรวจวัดระดับอารมณ์ The W/Me wristband เป็นสายรัดข้อมือที่ออกแบบทันสมัย ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับอารมณ์ของผู้ใช้ และทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน โดยจะช่วยแสดงผลตามอารมณ์ของผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจและปรับเปลี่ยนกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต



The W/Me wristband ใช้เซ็นเซอร์ทางการแพทย์ ที่จับสัญญาณจาก ระบบประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ หรือระบบประสาทอัตโนมัติ (ANS) รวมเข้ากับระบบประมวลผลที่สามารถถอดรหัสบนความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งจะแสดงถึงสภาพจิตใจของผู้ใช้ในขณะนั้น เช่น ความรู้สึกเฉยๆ หรือความรู้สึกตื่นเต้น ไปจนถึงความกระวนกระวาย ผ่านบนแอพพลิเคชั่น



ภายในแอพพลิเคชั่นจะทำการบันทึกประวัติการใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสภาพอารมณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ว่ามีอัตราของอารมณ์ในด้านที่แย่หรือผิดปกติมากน้อยเพียงใด เพื่อการสร้างสมดุลทางอารมณ์โดยการปรับพฤติกรรมและกิจกรรมไม่พึงประสงค์ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตในอนาคต


ซึ่งบนแอพพลิเคชั่นของ W/Me wristband ยังมาพร้อมกับบทการฝึกอารมณ์ โดยจะเป็นการฝึกการหายใจเผื่อปรับจังหวะการเต้นของหัวใจ และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ คล้ายกับการฝึกสมาธิและโยคะ


นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานอื่นๆ เช่น การวัดระดับการเต้นของหัวใจ, การแสดงวันที่และเวลาบนตัวเรือน, การแจ้งเตือนแทนสมาร์ทโฟน, การแจ้งเตือนเมื่อออกห่างจากโทรศัพท์หรือการค้นหาโทรศัพท์, เช็คอินบนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค และการใช้เป็นรีโมทในการกดชัตเตอร์กล้อง โดยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธที่ติดตั้งภายใน และยังมีระบบ


W/Me CLOUD ที่ช่วยเก็บข้อมูลต่างๆ ระหว่างอุปกรณ์ W/Me wristband มีรูปลักษณ์ที่ออกแบบให้สวมใส่สบายในทุกกิจกรรม มีหลากสีสันให้เลือก โดยในการวางจำหน่ายนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการระดมทุนบน Kickstarter สำหรับใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดการสั่งซื้อได้ที่ www.kickstarter.com

ที่มา: Siamphone
Read rest of entry
 

Followers

Popular Posts