สิ้นสุดการรอคอยสำหรับคนรักและหลงไหลในแอปเปิลทั่วโลก กับการเปิดตัว iPhone รุ่นล่าสุด "ไอโฟน 5"(iPhone 5) ซึ่งการเปิดตัว iPhone 5 คราวนี้ได้สร้างความตื่นเต้น (เล็กน้อย)เพราะหลายๆ การออกแบบ หลายๆ ฟังก์ชั่นยังไม่ได้แตกต่างจากที่คิดหรือจินตนาการกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างไรดูแล้วก็ถือว่าเทคโนโลยี iPhone 5 มีการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป ยังดูน่าครอบครองเหมือนเดิม
สำหรับความโดดเด่นที่เห็นได้ชัดของ iPhone 5 คือ การออกแบบตัวเครื่องแบบใหม่ ที่มีความบางของตัวเครื่องเพียง 7.6 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าบางกว่า iPhone 4S ถึง 18% มีน้ำหนักเพียง 112 กรัม ส่งผลให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบากว่าเดิมถึง 20% ส่วนกรอบด้านหลังออกแบบ Two-tone ทำมาจาก anodized aluminium (เป็นวัสดุแบบบรีไซเคิล และไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติ โดยยึดหลักมาตรฐาน BFR-free และ PVC-free) ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับ MacBook ส่วนด้านบนและด้านล่างนั้น สำหรับเครื่อง iPhone สีขาวทำมาจาก ceramic glass ส่วน iPhone 5 สีดำ ทำมาจาก pigmented glass
ส่วนหน้าจอแบบยังเป็นแบบ Retina Display แต่มีขนาด 4 นิ้ว ที่มาพร้อมความละเอียด 1136x640 พิกเซล 326 ppi ใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ ที่มีชื่อว่า Touch technology โดยรวมเลเยอร์ของหน้าจอ และระบบสัมผัส ไว้ในเลเยอร์เดียวกัน
ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 6
หน่วยประมวลผล Apple A6 ที่มีขนาดเล็กกว่า Apple A5 ถึง 22% ทำให้ CPU และ Graphic ทำงานเร็วขึ้นกว่า iPhone 4S ถึง 2 เท่า
หน้าจอขนาด 4 นิ้ว เทคโนโลยี In-cell touch ความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล ในสัดส่วนภาพ 16:9
รองรับการใช้งานอินเทอร์เนต 3G HSPA+ 21Mbps และ 4G LTE ความเร็วสูงสุด 100Mbps
หน่วยประมวลผล Apple A6 ที่มีขนาดเล็กกว่า Apple A5 ถึง 22% ทำให้ CPU และ Graphic ทำงานเร็วขึ้นกว่า iPhone 4S ถึง 2 เท่า
หน้าจอขนาด 4 นิ้ว เทคโนโลยี In-cell touch ความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล ในสัดส่วนภาพ 16:9
รองรับการใช้งานอินเทอร์เนต 3G HSPA+ 21Mbps และ 4G LTE ความเร็วสูงสุด 100Mbps
กล้องหลัง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4 BSI, ถ่ายวีดีโอความละเอียด 1080 p ความละเอียด 3264×2448 พิกเซล และฟีเจอร์ใหม่กับความสามารถในการถ่ายภาพแบบพาโนราม่า ซึ่งสามารถถ่ายได้สูงสุด 240 องศา ที่ความละเอียดของภาพสูงสุดอยู่ที่ 28 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์กันสั่น นอกจากนั้นยังกดชัตเตอร์ได้เร็วขึ้น 40% และปรับปรุงประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย (Low light) ได้ดีขึ้น และลด noise ของภาพอีกด้วย
กล้องหน้ารองรับ FaceTime HD ความละเอียด 720p และถ่ายวิดีโอระดับ 720p
ไมโครโฟน 3 จุด อยู่ด้านบน,ล่างและด้านหลัง เพื่อรองรับการโทรศัพท์เสียง HD ลำโพงสำหรับสนทนาในด้านบนนั้น เป็นแบบมีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนจากภายนอก
Dock connector แบบใหม่มีขนาดเล็กลง 8-pin มีชื่อว่า Lightning และมาพร้อมหัวแปลงเพื่อให้สามารถใช้งานกับ Connector แบบเก่าที่มี 30-pin ได้ เรียกว่าเล็กกว่า connector แบบเก่าถึง 80%
สำหรับใครที่อยากใช้ Dock connector แบบเดิมที่เชื่อมต่อกับ iPhone 5 ได้ ก็เพียง ซื้อหัวแปลง 30-pin สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม ราคา $29 หรือประมาณ 900 บาท มาใช้ได้
หูฟังรุ่นใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า Earpods ที่ถูกออกแบบใหม่ให้เข้ากับหูของเราได้ทุกสภาพ และทุกรูปแบบ โดย Apple ให้เหตุผลว่า ปกติแล้ว หูของคนเรา มักจะมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน คล้ายกับลายนิ้วมือที่ต้องเป็นของใครของมัน ฉะนั้น จึงได้พยายามหาวิธีการผลิตหูฟังแบบใหม่ ที่สามารถเข้ากับหูได้ทุกคน
ใช้ซิมมาตรฐานใหม่ Nano-SIM
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น โดยสามารถสแตนบายได้ 225 ชั่วโมง, คุยผ่าน 3G ได้ถึง 8 ชั่วโมง, ดูวิดีโอได้นานถึง 10 ชั่วโมงและฟังเพลงได้นานถึง 40 ชั่วโมง
ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีดำและสีขาว
สำหรับราคาของ iPhone 5 เท่ากับ iPhone 4S คือ
รุ่น 16GB ราคา $199
รุ่น 32GB ราคา $299
รุ่น 64GB ราคา $399
(ราคาทั้งหมดเป็นแบบติดสัญญาของต่างประเทศ) เริ่มเปิดให้จอง (pre-order) ได้ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 21 กันยายน โดยกลุ่มประเทศแรกที่วางจำหน่ายได้แก่ อเมริกา, แคนาดา, อังกฤษ, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ และแน่นอนว่า เมื่อมีการเปิดตัว iPhone 5 ส่งผลให้ iPhone 4S รุ่นก่อนหน้านี้ถูกปรับราคาลดลงตามธรรมเนียม โดยรุ่น 16GB ปรับราคาลงเหลือเพียง 19,500 บาท
ข้อมูลจาก: Apple
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment