October 24, 2011

Oho idea เฟอร์นิเจอร์ม้านั่งลำเรือ Boat Sofa


น้ำท่วม ภัยพิบัติธรรมชาติที่มนุษย์ไม่อยากพบเจอ แต่ถ้าวันหนึ่งต้องประสบพบเจอแล้วจะทำอย่างไร หลายคนคงเริ่มตั้งแต่ย้ายของขึ้นที่สูง เพื่อให้พ้นน้ำ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็อพยพย้ายออกจากที่พักอาศัย ถ้าน้ำยังไม่มาหรือยังไม่ทันที่จะท่วม ก็ยังสามารถใช้รถขนส่งได้ แต่ถ้าน้ำขึ้นสูงแล้วหล่ะก็ ก็ต้องใช้เรืออย่างเดียว แต่ว่าจะไปหาเรือได้ที่ไหนกันหล่ะ ในสภาวะตอนนั้น เพราะเราใช้การเดินทางทางบก โดยยานพาหนะสี่ล้อซะส่วนมาก ดังนั้นก็ต้องซื้อหรือเช่าเป็นการชั่วคราวไปก่อน แต่ถ้าครั้งต่อไปในอนาคต เราจะทำอย่างไร

แนวคิดเฟอร์นิเจอร์ม้านั่งลำเรือ หรือ "Boat Sofa" ที่ออกแบบโซฟานี้เป็นแบบ Multi-Functional ซึ่งเขานำเอาเรือมาทำการดัดแปลงโดยตัดเอาเบาะมาใส่ในเรือทำให้ Boat Sofa นี้เป็นได้ทั้งเรือและโซฟาได้ในชิ้นเดียวกัน การใช้งานก็เพียงแค่ในสภาวะที่ปกติ เราก็ใช้เป็นม้านั่งสำหรับรับแขก แต่ถ้าเมื่อใดน้ำท่วมสูงหรือต้องการเรือดีๆ สักลำ เราก็พลิกและยกมันออกไปลอยลำบนผิวน้ำได้ทันที

แนวคิดนี้ มีติดบ้านไว้สักลำก็คงดีไม่น้อย

ออกแบบโดย: Bongyoel Yang
Read rest of entry

October 6, 2011

ไว้อาลัยให้กับ Steve Jobs ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

ช็อกไปทั่วโลก หลังจากที่ สตีฟ จ๊อบส์ อดีตซีอีโอแอปเปิ้ล เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยช่วงเช้าวันนี้ (6 ตุลาคม) ทางแอปเปิ้ล ได้ออกมาแถลงว่า ในนามของแอปเปิ้ลมีความเสียใจอย่างยิ่งที่ สตีฟ จ็อบส์ ได้จากไปแล้ว ด้วยวัย 56 ปี โดยเขาป่วยเป็นโรคโรคมะเร็งตับอ่อนมานานหลายปีแล้ว นอกจากนี้ แถลงการณ์จากคณะกรรมการบริหาร ยังกล่าวยกย่องนายจ็อบส์ว่าเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด และเต็มไปด้วยพลัง ซึ่งทำให้เขาเป็นบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งกล่าวว่า โลกดีขึ้นอย่างมากเพราะมี สตีฟ จ็อบส์

ทั้งนี้ สตีฟ จ็อบส์ เป็นบุคคลซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกฐานะผู้ก่อตั้งร่วมและตำนานแห่งแอปเปิ้ล บริษัทขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดย สตีเฟน พอล จ็อบส์ หรือ สตีฟ จ็อบส์ เกิดเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1955 เขาได้เริ่มก่อตั้งแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ร่วมกับกับ สตีฟ วอซเนียก ใน ค.ศ.1976 ซึ่งต่อมาก็ทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Apple II กลายเป็นที่นิยมขึ้น

ต่อมาในปี ค.ศ.1984 จ็อบส์ ลาออกจากแอปเปิ้ล หลังจากประสบความล้มเหลวในการชิงตำแหน่งคณะกรรมการบริหาร เขาจึงได้ก่อตั้งเน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ แต่ใน ค.ศ.1996 แอปเปิ้ลได้ซื้อกิจการเน็กซ์ของจ็อบส์ ทำให้เขาได้กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลอีกครั้ง และรับตำแหน่งซีอีโอตั้งแต่ ค.ศ.1997-2011

แต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็เป็นที่ช็อกของคนทั่วโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่จ็อบส์ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าเขาลาออกด้วยสาเหตุใด ขณะเดียวกัน ทางบอร์ดบริหารก็ได้เลือก ทิม คุก ให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งแทนเขา แต่ทั้งนี้ แม้ว่า สตีฟ จ๊อบส์จะประกาศลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว ทางบอร์ดบริหารก็ยังเลือกให้สตีฟ จ็อบส์ นั่งตำแหน่ง ประธานบอร์ดบริหารของแอปเปิ้ล เพื่อช่วยเหลือบริษัทในเรื่องวิสัยทัศน์ ความคิดสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจต่อไป จนกระทั่งวานนี้ (5 ตุลาคม) เขาก็เสียชีวิตด้วยมะเร็งตับอ่อนหลังจากที่รักษาตัวมานานหลายปี สร้างความตกใจและเศร้าสลดให้กับคนในวงการไอทีไปทั่วโลก

ประวัติ สตีฟ จ็อบส์

เจ้าพ่อแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยีผู้สร้างสรรค์ iPhone, iPad, iPod, ให้ผู้คนได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการสื่อสารเชื่อมโลกเข้าด้วยกัน สำหรับ สตีฟ จ็อบส์ โดยก่อนที่แอปเปิ้ลจะประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดได้จนถึงทุกวันนี้ จ็อบส์ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมาตลอดชีวิตของเขา ซึ่งต้องผ่านทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

สำหรับ สตีเฟน พอล จ็อบส์ หรือ สตีฟ จ็อบส์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1955 (2498) ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เขาสมรสกับลอเรนซ์ พาวเวลล์ เมื่อวัน 18 มีนาคม ค.ศ. 1991 และมีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่ รีด, เอริน และ อีฟ จ็อบส์ นอกจากนี้ เขายังมีลูกสาวนอกสมรสอีกหนึ่งคนด้วย คือ ลิซ่า จ็อบส์

ชีวิตในวัยเรียน จ็อบส์จบการศึกษาจาก โฮมสตีดไฮสคูล ในเมืองคิวเปอร์ทิโน่ และสมัครเรียนต่อที่รีด คอลเลจ ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนเท่าไรนัก เพราะเรียนได้ภาคการศึกษาเดียวก็ถูกพักการเรียนเสียแล้ว แต่หลายปีต่อมาเขาได้รับเชิญไปปาฐกถาในพิธีสำเร็จการศึกษาของบัณฑิตมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า

"การที่ผมพักการเรียนที่รีด คอลเลจ ทำให้ผมมีเวลาไปเข้าเรียนเกี่ยวกับตัวอักษร ถ้าผมไม่ได้เรียนวิชานั้นที่วิทยาลัยรีด เครื่องแม็คอินทอชคงจะไม่มีรูปแบบอักษรหลากหลาย และไม่มีฟอนต์ ที่มีการแบ่งระยะห่างอย่างถูกสัดส่วนเช่นนี้"

จ็อบส์เริ่มฉายแววนักธุรกิจตั้งแต่เขาอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น หลังจากที่เขาและ สตีฟ วอซเนียก ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ขึ้นในปี 1976 ในไม่ช้า Apple I เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่นำออกสู่สายตาชาวโลก โดยตั้งราคาไว้ที่ 666.66 ดอลลาร์ ซึ่งจ็อบส์ก็ใช้เวลาไม่นานก็สามารถขายคอมพิวเตอร์ให้กับร้านค้าท้องถิ่นได้ 50 เครื่อง และแอปเปิ้ลก็เริ่มต้นธุรกิจขึ้น โดยมีวอซเนียกเป็นผู้ออกแบบสินค้า ส่วนจ็อบส์ทำหน้าที่นักการตลาด

และในปี ค.ศ.1977 ความสำเร็จของจ็อบส์ก็ได้รับการตอกย้ำอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทแอปเปิ้ลปล่อย Apple II ออกมา ทำให้แอปเปิ้ลกลายเป็นผู้ผลิตรายสำคัญในวงการอุตสาหกรรมเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1980 แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ได้กลายมาเป็นบริษัทมหาชน และการเปิดขายหุ้นให้แก่สาธารณชนผู้สนใจร่วมลงทุน ทำให้สถานภาพส่วนตัวของจ็อบส์สูงส่งขึ้นเป็นอันมาก

ตามมาด้วยความสำเร็จในการพัฒนา เครื่องแมคอินทอช ในปี ค.ศ.1984 ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่มีส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟฟิก หรือ วิธีการใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพนอกเหนือจากตัวอักษร ทำให้แอปเปิ้ลประสบความสำเร็จทางการค้าอย่างมากเช่นกัน แอปเปิ้ลจึงเลิกพัฒนาเครื่อง Apple II เพื่อส่งเสริมสายการผลิตเครื่องรุ่นแมค และยังคงยืนหยัดมาจนกระทั่งทุกวันนี้

ในขณะที่จ็อบส์ได้กลายเป็นผู้บริหารมีบุคลิกโดดเด่นและมีส่วนผลักดันโครงการต่าง ๆ ของแอปเปิ้ลให้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วนั้น เขากลับถูกมองว่าเป็นผู้จัดการที่มีบุคลิกแปลกประหลาดและโมโหร้าย ในที่สุดจ็อบส์ได้ลาออกในปี ค.ศ. 1985 ภายหลังจากประสบปัญหาขัดแย้งเรื่องอำนาจภายในบริษัทแม้เขาจะลาออกจากบริษัทแอปเปิ้ลแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้หยุดที่จะพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านไอทีต่อไป โดยจ็อบส์ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า เน็กซ์ (NeXT) พร้อมกับเปิดตัว เครื่องคอมพิวเตอร์ลิซ่า แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากเน็กซ์มีเทคโนโลยีล้ำยุค แต่มันไม่เคยเข้าสู่กระแสความนิยมหลักได้ เพราะราคาที่สูงลิ่ว และเน้นเจาะกลุ่มตลาดไปที่สาขาวิทยาศาสตร์และสถาบันการศึกษาเท่านั้น

แม้คอมพิวเตอร์ลิซ่าจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่จ็อบส์คาดหวังไว้ แต่เขาก็ยังได้สร้างผลงานด้านแอนิเมชั่นออกมาอย่างดีเยี่ยม โดยในปี ค.ศ.1986 จ็อบส์ได้ทุ่มเงินเป็นจำนวนถึง 10 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการด้านดิจิตัล แอนิเมชั่น จากจอร์จ ลูคัส ผู้สร้างภาพยนตร์ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพิกซาร์ และสร้างให้เป็นบริษัทสตูดิโอภาพยนตร์แอนิเมชั่น ที่ประสบความสำเร็จมากสุดของโลกในอีกหนึ่งทศวรรษให้หลัง ก่อนจะขายให้วอลท์ ดิสนีย์ ในราคา 7,400 ล้านดอลลาร์ โดยภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง อาทิ ทอยสตอรี่ 1 และ 2, ตัวบั๊กส์ หัวใจไม่บั๊กส์, มอนสเตอร์ส อิงค์ บริษัทรับจ้างหลอน (ไม่) จำกัด และ นีโม่ ปลาเล็กหัวใจโต๊...โต เป็นต้น

ในที่สุด พรหมลิขิตก็ทำให้จ็อบส์ได้กลับเข้าไปทำงานในแอปเปิ้ลอีกครั้ง หลังจากที่แอปเปิ้ลเข้าซื้อกิจการของเน็กซ์ ในวงเงิน 402 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขากลายเป็นผู้บริหารระดับสูงชั่วคราว (iCEO) ของแอปเปิ้ลในปี ค.ศ.1997 ซึ่งการกลับมาของจ็อบส์ ทำให้เครื่องเล่นดนตรีพกพา "iPod" ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยเช่นกัน

จากการซื้อกิจการของเน็กซ์ ทำให้เทคโนโลยีหลายตัวของบริษัทได้แจ้งเกิดในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล เช่น Mac OS X รวมถึงการเปิดตัว iMac ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างมากด้วย จึงทำให้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ได้ขยายกิจการไปหลายสาขา พร้อมกับการเปิดตัวสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น iPod เครื่องเล่นดนตรีขนาดพกพา, iTunes ซอฟต์แวร์สำหรับดนตรีดิจิทัล, iPhone และ iPad

แม้ว่ากิจการของแอปเปิ้ลกำลังดำเนินไปได้อย่างสวยงาม แต่ทุกคนก็ต้องตกใจหลังจากที่ทราบข่าวการประกาศลาออกจากตำแหน่งของสตีฟ จ็อบส์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2011 ทั้งนี้ จ็อบส์ ตรวจพบมะเร็งตับอ่อนตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 2004 และมีปัญหาทางสุขภาพเรื่อยมา จนในที่สุดเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากที่แอปเปิ้ลเพิ่งจะประกาศเปิดตัว iPhone 4S ได้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ท่ามกลางความเศร้าสลดและอาลัยต่อ สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ซึ่งก่อตั้งและเป็นตำนานแห่งแอปเปิ้ล

การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของบุคลากรสำคัญด้านวงการไอที นำมาซึ่งความเศร้าเสียใจที่ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับครอบครัวของจ็อบส์เท่านั้น และเหล่าบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งพนักงานของแอปเปิ้ลและผู้ที่รู้จักมักคุ้นกับเขา รวมผู้ตัวผู้ใช้สินค้าในเครือของแอปเปิ้ลต่างก็เศร้าโศกเสียใจไม่แพ้กัน ทั้งนี้ ได้มีบุคคลสำคัญจากหลากหลายวงการ ได้กล่าวคำไว้อาลัยถึง สตีฟ จ็อบส์ กันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น...

ครอบครัวของสตีฟ จ็อบส์ กล่าวว่า

"สตีฟจากเราไปอย่างสงบในวันนี้ท่ามกลางการห้อมล้อมจากคนในครอบครัวของเขา ในฐานะบุคคลสาธารณะ เขาคือนักคิดผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ในด้านชีวิตส่วนตัว เขาคือคนที่รักและใส่ใจครอบครัวเสมอมา เราขอขอบคุณทุก ๆ คำอวยพรและกำลังใจที่มีให้เขาต่อสู้กับความเจ็บป่วยตลอดช่วงปีที่ผ่านมา"

เป็นที่ประจักษ์แน่ชัดเหลือเกินว่า การจากไปตลอดกาลของ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน และผู้บริหารสูงสุดของบริษัทแอปเปิ้ล บริษัทซึ่งได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในวงการคอมพิวเตอร์ ได้สร้างความสั่นคลอนและสะเทือนใจให้กับผู้คนมากขนาดไหน แม้คนผู้นั้นจะไม่ได้ใช้หรือเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าทุกครั้งที่มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ จากแอปเปิ้ล แม้แต่คนที่ไม่สนใจเทคโนโลยีเองก็ยังอดจะตื่นเต้นและคอยแอบตามข่าวอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้ นับเป็นคนที่เปลี่ยนโฉมและเปิดโลกใบใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างแท้ จริง

บิล เกตส์

บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้ง "ไมโครซอฟท์" กล่าวว่า

"ในโลกนี้ไม่ค่อยจะได้เห็นใครสักคนที่มีอิทธิพลต่อโลกได้อย่างยิ่งใหญ่มากเท่าสตีฟ เขามีอิทธิพลต่อผู้คนมากมายหลากหลายรุ่น สำหรับเราแล้วถือว่าโชคดีมาก ๆ ที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันกับเขา ถือเป็นเกียรติแก่ชีวิตอย่างยิ่ง ผมจะคิดถึงสตีฟอย่างมากเลย"



บารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า

"โลกได้สูญเสียนักคิดไปอีกคน และคงไม่มีหลักฐานความสำเร็จใด ๆ ของเขามากไปกว่าการที่ผู้คนทั่วโลกรับรู้การจากไปของเขาผ่านอุปกรณ์สื่อสาร ที่เขาได้คิดค้นขึ้นมา ผมและมิเชลล์ได้สวดอ้อนวอนและส่งกำลังใจไปยัง ลอรีน ภรรยาของเขา ครอบครัวของเขา และทุก ๆ คนที่รักเขา"





เซอร์จี้ บริน หนึ่งในผู้ก่อตั้ง "กูเกิล" กล่าวว่า

"นับตั้งแต่วันแรกของกูเกิล สตีฟถือเป็นต้นแบบด้านความมุ่งมั่นตั้งใจที่ดีเยี่ยมมาก ๆ เขาทำให้สิ่งที่เขารักเป็นที่รู้สึกได้ ซึ่งหากใครที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล (รวมถึงแมคบุ๊ก ที่ผมกำลังเขียนอยู่ตอนนี้) ก็จะสัมผัสถึงความมุ่งมั่นของสตีฟเช่นกัน แม้เราจะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เราก็รับรู้ได้ว่าสตีฟคือคนที่สุดยอดมาก ๆ ในนามของพวกเราทั้งหมดที่กูเกิลและในวงการไอทีโลก เราจะคิดถึงคุณมาก ทั้งนี้ ก็ขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัว เพื่อน ๆ และเพื่อนร่วมงานที่แอปเปิ้ลของสตีฟด้วย"






ลาร์รี่ เพจ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง "กูเกิล" กล่าวว่า

"ผมเสียใจมาก ๆ ที่ได้ยินข่าวร้ายนี้ สตีฟเป็นคนเก่ง เขาประสบความสำเร็จในชีวิต และมีความคิดที่น่าทึ่งมาก ๆ เขามักจะพูดอยู่เสมอว่า อะไรคือสิ่งที่คุณควรคิดก่อนที่คุณจะลงมือทำ สตีฟตั้งใจในการใช้ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ซึ่งนั่นก็เป็นการสร้างแรงบันดาลใจที่ดีให้กับผม เขาใจดีมากที่สละเวลาของเขาในการแนะนำสิ่งดี ๆ และความรู้มากมายจนทำให้ผมได้กลายเป็นซีอีโอของกูเกิล อย่างไรก็ดี ก็ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวจ็อบส์และแอปเปิ้ลด้วย"



มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก หนึ่งในผู้ก่อตั้ง "เฟซบุ๊ก" กล่าวว่า

"สตีฟ... ขอบคุณที่เป็นที่ปรึกษาและเพื่อนที่ดีมาโดยตลอด ขอบคุณที่แสดงให้เห็นว่า คุณได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้ได้มากขนาดไหน ผมจะคิดถึงคุณอย่างแน่นอน"

เซอร์ เจมส์ ไดสัน นักประดิษฐ์ชื่อดังของอังกฤษ กล่าวว่า

"มีคนเคยบอกไว้ว่า สตีฟ จ็อบส์ เป็นพวกที่บ้างานเพื่อหวังความร่ำรวย แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย สิ่งที่เขาทำไปก็เพราะเป็นสิ่งที่เขารัก เขาได้นำประสบการณ์ที่แปลกใหม่มาให้แอปเปิ้ล ซึ่งนั่นทำให้แอปเปิ้ลได้ก้าวหน้าและพัฒนาไปไกลมาก ๆ และนี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้ทีมงานคนอื่น ๆ จะต้องก้าวหน้าและทำอย่างที่จ็อบส์ได้ทำไว้ต่อไป "

โรเจอร์ อีเบิร์ต นักวิจารณ์ภาพยนตร์ กล่าวว่า

"เมื่อครั้งที่ผมได้ใช้คอมพิวเตอร์แม็คครั้งแรก ลักษณะการใช้คอมพ์และอื่น ๆ ของผมได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาได้นำสิ่งดี ๆ มาให้แอปเปิ้ล มีวิสัยทัศน์ที่ดีปรับปรุงให้มีการพัฒนาใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งนั่นถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขาที่มาจากจินตนาการและความกล้าหาญอย่างดีเยี่ยม"



ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิ้ล กล่าวว่า

"ไม่มีคำไหนที่จะมาอธิบายความเศร้าโศกกับการจากไปของสตีฟได้ เรามีความรู้สึกซาบซึ้งใจที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับเขา เราจะขอทำงานอย่างมุ่งมั่น ตั้งใจต่อไป เพื่อสานต่องานที่สตีฟรักมากที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้"

ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า

"ในคืนนี้ ทั่วมหานครนิวยอร์กจะร่วมกันรำลึก และยกย่องชายผู้เป็นยอดอัจฉริยะคนนี้ เขาจะอยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลกต่อไป ทั้งนี้ ก็ขอให้จ็อบส์หลับให้สบาย พวกเราทุกคนจะสวดมนต์ภาวนาให้"

จอห์น เลสเซ็ทเตอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง "Pixar Animation Studios" กล่าวว่า

"สตีฟ จ็อบส์ เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีมาก ๆ เขาเป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาที่ดี จนทำให้มี Pixar Animation Studios ขึ้นมาในทุกวันนี้ สตีฟเปลี่ยนพวกเราทุกคน และเขาทำให้พวกเราเชื่อว่า ความฝันบ้า ๆ บอ ๆ ของเรานั้น สามารถทำให้เกิดสิ่งดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้จริง เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอ Pixar ตลอดไป และแน่นอนว่า เราจะอยู่เคียงข้างภรรยาและลูก ๆ ของเขา เพื่อให้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากต่อการทำใจแบบนี้ เราจะไม่ทิ้งกัน"

เม็ก วิทแมน ประธานและซีอีโอบริษัท เอชพี กล่าวว่า

"สตีฟ จ็อบส์ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของนักลงทุนและนักธุรกิจผู้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้เทคโนโลยีทั้งหลายได้กระจายตัวออกไปไกลยิ่งกว่าขอบเขตของ Silicon Valley เขาจะได้รับการจดจำทั้งจากนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่เขาได้นำออกสู่ตลาด และจากแรงบันดาลใจที่เขาได้ฝากเอาไว้ให้กับโลกของเรา"





เจอร์รี่ หยาง ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท Yahoo! Inc กล่าวว่า

"สตีฟคือคือฮีโร่ที่เติบโตมาพร้อม ๆ กับผม ไม่ใช่แค่เขาจะให้คำแนะนำและมอบความกล้าหาญให้กับผมเท่านั้น เขายังทำให้พวกเราเห็นด้วยอีกว่านวัตกรรมเหล่านั้นมันเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร ผมจะคิดถึงเขาจากหัวใจ และโลกเองก็จะคิดถึงเขาเช่นกัน"



บ็อบ อิเกอร์ ซีอีโอจากดิสนีย์ กล่าวว่า

"สตีฟ คือ "ต้นแบบ" ของความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการที่กำหนดความเป็นไปของยุคนี้อย่างแท้จริง และทั้งที่สิ่งที่เขาคิดขึ้นได้สำเร็จทุกอย่าง กลับให้ความรู้สึกเหมือนว่ามันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง การจากไปของเขาทำให้โลกสูญเสีย "ต้นแบบ" ไป ดิสนีย์สูญเสียสมาชิกคนสำคัญ และผมเองก็สูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปด้วย"

สตีฟ บอลเมอร์ ผู้บริหารสูงสุดของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า

"ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของ สตีฟ จ็อบส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งอุตสาหกรรมแวดวงเทคโนโลยี และผู้ซึ่งมีวิสัยทัศน์อย่างแท้จริง หัวใจของผมจะอยู่เคียงข้างครอบครัวของเขา ทุก ๆ คนที่บริษัทแอปเปิ้ล และทุกผู้คนที่รู้สึกประทับใจในผลงานของเขา"

คริส คัลโลเวย์ ผู้อ่านรายหนึ่งจาก Wired แมกกาซีนและเว็บไซต์อัพเดทเรื่องไอที กล่าวว่า

"สวรรค์คงได้อัพเกรดขนานใหญ่ในวันนี้ พระเจ้าให้พรพวกเราด้วยการส่งคุณมา และเราขอขอบคุณต่อความช่างคิดและความพยายามของคุณ คุณได้เปลี่ยนแปลงโลกนี้ไปจริง ๆ พวกเราคิดถึงคุณ"

แฮร์ริส แพนิม ผู้อ่านรายหนึ่งจาก Wired กล่าวว่า

"ความคิดสร้างสรรรค์และความเชื่อมโยงมากมายเกิดขึ้น(และจะดำเนินต่อไป)จากความเป็นอัจฉริยะของเขา ฉันเองประทับใจและได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของเขาเหมือนกัน"

คาโรลีน เซ็กซ์ตัน ผู้อ่านรายหนึ่งจาก Wired กล่าวว่า

"ดูราวกับเขาได้กลั่นประสบการณ์ทุกอย่างในชีวิตออกมาเป็นผลผลิตให้กับบริษัทแอปเปิ้ล เขาเป็นดั่งสิ่งล้ำค่าที่ถูกสรรค์สร้างให้มาอยู่บนโลกนี้ พวกเราควรจะเรียนรู้จากชีวิตของเขา เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างไร้ความกริ่งเกรง และกล้าที่จะสร้างสรรค์โดยไม่ต้องกลัวคำว่าข้อจำกัดหรือความเป็นไปได้"

ผู้อำนวยการคณะผู้บริหาร บริษัทแอปเปิ้ล กล่าวว่า

"ความหลักแหลม ความกระตือรือร้น และ พลังงานที่ล้นเหลือของสตีฟ คือที่มาของนวัตกรรมมากมาย ที่ทำให้ชีวิตของเราง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น โลกใบนี้ดีขึ้นอย่างมากมายเพราะเขานี่เอง"

ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Dell Inc. กล่าวว่า

"วันนี้โลกได้สูญเสียนักคิดผู้เป็นผู้นำไป อุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้สูญเสียสัญลักษณ์แห่งตำนานผู้พลิกโฉมวงการ และผมก็ได้สูญเสียเพื่อนไป สิ่งที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาจะถูกจดจำจากคนรุ่นหลังตลอดไป"

เซ็น คริส ด็อดด์ ผู้บริหาร MPAA (Motion Picture Association of America) กล่าวว่า

"ความเป็นอัจฉริยะของ สตีฟ จ็อบส์ ชายที่ผมรู้จักมาเป็นเวลา 40 ปี เขาคนนี้ไม่ใช่แค่จะนำเวทมนตร์ที่สัมผัสได้มาสู่ชีวิตของเราและเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งกาจของพิกซาร์เท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และเป็นผู้นำเอาหนังและรายการต่าง ๆ จากโทรทัศน์ไปสู่โลกออนไลน์ที่เข้าถึงง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก นอกจากนี้เขายังเป็นนักบุกเบิกที่ช่วยให้เราเห็นว่าเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์นั้นไปด้วยกันได้อย่างไร เขาทำให้โลกใบที่เราอยู่ร่วมกันนี้ง่ายและน่าอยู่ขึ้นมากจริง ๆ"

ขอบคุณข้อมูลจาก kapook.com
Read rest of entry

October 5, 2011

iPhone วันนี้ที่ยังหยุดอยู่ที่ iPhone 4s

หลังจากสาวก iPhone ตั้งหน้าตั้งตารอลุ้นกันมาตั้งแต่ต้นปี ล่าสุดแอปเปิ้ลก็เปิดตัว iPhone ตัวใหม่ เพื่อขัดตาทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย พร้อมกับความจริงที่สุดแสนจะเซอร์ไพรส์ เมื่อ iPhone ตัวใหม่นี้ไม่ใช่ iPhone 5 อย่างที่หลาย ๆ คนคาดไว้ก่อนหน้านี้ แต่เป็น iPhone 4s

สำหรับ iPhone 4s อัพเดทมาพร้อมคุณสมบัติที่เรียกว่าไม่ทำให้คนที่ตั้งหน้าตั้งตารอผิดหวัง และทำให้ผู้ใช้ iPhone 4 หลายคนแอบเคืองนิดๆ เพราะถึงแม้ iPhone 4s ตัวนี้จะมีหน้าตาเหมือนกับ iPhone 4 แต่กลับมาพร้อมกับราคาที่เบาลง ขณะที่สเปกได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น การใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 5 รองรับระบบ iCloud หน่วยประมวลผล Apple A5 Dual Core ที่เร็วกว่าตัวเดิม 2 เท่า และความเร็วด้านกราฟฟิกเร็วขึ้น 7 เท่า กล้องความละเอียด8 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด FullHD 1080p พร้อมเซ็นเซอร์ Backside illumination ที่ให้ถ่ายภาพในที่มืดได้ดีกว่าเดิม 73% และถ่ายได้เร็วกว่า 33% มีระบบลดการสั่นไหวของภาพขณะถ่ายวิดีโอ และระบบ Face Detection แถมยังมีระบบ Siri ที่เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ iPhone 4s สามารถสนทนากับผู้ใช้ผ่านการประมวลผลจาก AI (แต่ภาษาที่รองรับกับ Siri ตอนนี้มีเพียง3 ภาษา คือ อังกฤษ เยอรมัน และฝรั่งเศส)ระบบ HSDPAและ Wi-Fi Download ก็ความเร็วเพิ่มขึ้น 2เท่า (ความเร็วในการดาวน์โหลด 3G เพิ่มจาก 7.2Mbpsเป็น 14.4Mbps)

นอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว แอปเปิ้ลยังได้แก้ไขปัญหาเรื่องการรับสัญญาณให้ดีขึ้น และยังปรับให้สามารถรองรับเครือข่ายโทรศัพท์ GSM และ CDMA ในเครื่องเดียวกันอีกด้วย ขณะที่ระบบปฏิบัติการ iOS 5 นี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับ iPhone 4, 3Gs, iPad 2, iPad, iPod Touch Gen4th และ iPod Touch Gen 3rd ได้ด้วย

สำหรับ iPhone 4s เปิดตัวออกมา 3 รุ่น คือรุ่น 16GB ราคา $199, รุ่น 32GB ราคา $299 และรุ่น 64GB ราคา $399 โดยจะทยอยวางจำหน่ายที่สหรัฐฯ แคนนาดา ออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ในวันที่ 14 ตุลาคม 2554 ก่อนที่จะขยายไปจำหน่ายอีก 22 ประเทศ (ไม่รวมประเทศไทย) ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ต่อไป ส่วนประเทศไทยนั้น คาดว่าจะวางจำหน่ายกันประมาณสิ้นปีนี้



ข้อมูลจาก: www.apple.com
Read rest of entry
 

Followers

Popular Posts